การนำ"โดราเอมอน"มาใช้เป็นหัวข้อในคาบเรียนของมหาวิทยาลัยวาเซดะกำลังเป็นที่โด่งดังในหมู่นักศึกษาเป็นอย่างมาก จะมีการตรวจสอบความเป็นไปได้ของ"ของวิเศษ"และโดราเอมอน จากมุมมองของวิศวกรรมเครื่องกลกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นอกจากนี้ยังมีการพิจารณาเกี่ยวกับปัญหาสังคมและการผันแปรของเมืองใหญ่ โดยใช้เมืองเป็นฉากของเรื่อง อาจารย์มากกว่า2คนที่จะสับเปลี่ยนทุกครั้งก็จะคอยหยิบยกหัวข้อหลากหลายขึ้นมา
คาบเรียนครั้งที่7มี "ผู้หญิงเมื่อมองจากชิซึกะจัง----ไลฟ์ดีไซน์ของผู้หญิง"เป็นธีม ซึ่งได้โนมุระ มิจิโกะซังนักพากย์มาเป็นผู้บรรยายรับเชิญ เธอเคยพากย์เสียงของ "ชิซึกะจัง" จนถึงปี2005เป็นเวลา26ปี โนมุระซังที่ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง ผ่านประสบการณ์การแต่งงาน และการมีลูกกล่าวว่า "อยากให้ชิซึกะจังเป็นผู้หญิงทำงานที่มีตำแหน่งหน้าที่การงานสูง" และยังตั้งคำถามให้กับเหล่านักศึกษาว่า "หลังแต่งงานอยากให้ชิซึกะจังเป็นอย่างไร"
ในคาบเรียนนี้ ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งมหาวิทยาลัยมาเพิ่งจะเคยมีนักศึกษายื่นความจำนงขอเข้าร่วมมากที่สุด ศาสตราจารย์ซึจิคาตะ มาซาโอะ จากคณะสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยวาเซดะซึ่งได้โคออดิเนทกับคาบเรียนนี้กล่าวว่า "การที่นักศึกษาจะมีความฝันเป็นยุคสมัยที่ยากไปเสียแล้ว จะทำอย่างไรถึงจะเป็นวิชาเรียนที่คำนึงถึงอนาคตของประเทศญี่ปุ่น จึงได้ปรึกษากับสต๊าฟทุกคนและตัดสินใจที่จะนำโดราเอมอนมาใช้"
ศาสตราจารย์สึจิคาตะซึ่งได้หยิบยกโดราเอมอนเป็นหัวข้ออธิบายว่า "เพราะมันเป็น"สิ่งพื้นฐาน"ที่วัยรุ่นสมัยนี้รู้สึกว่าใกล้ตัวมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ" สื่อต่างๆ เช่นโทรทัศน์ก็ได้หลอมรวมเข้ากับการใช้ชีวิตในปัจจุบัน สำหรับเหล่าเด็กๆโลกอนิเมก็เป็นประสบการณ์ขั้นพื้นฐานเช่นกัน
เหล่านักศึกษา "พวกนักศึกษารู้จักตัวละครในเรื่องเป็นอย่างดี เพราะการจัดการทางสังคมซึ่งล้อมรอบพวกเขากับตัวละคร ก็เลยคิดว่ามันก็น่าจะเพิ่มความสนใจในการเรียนมากขึ้น"
โปรเจควิชานี้ใช้เวลา1ปีครึ่ง ใช้การศึกษาของผู้เชี่ยวชาญแขนงต่างๆเป็นฉากหลัง ให้เหตุจูงใจและคำใบ้ซึ่งคำนึงถึงนักศึกษา นอกจากนี้ "สหวิทยาการ"ที่ไม่ยึดติดกับขอบเขตของนักศึกษาก็เป็นคีย์เวิร์ดของคาบเรียนนี้ด้วย นักศึกษาสายมนุษย์ศาสตร์-สังคมศาสตร์คนหนึ่ง เล่าว่า "วิชาฟิสิกส์ที่พิจารณาโครงสร้างของ"คอปเตอร์ไม้ไผ่"กับ"ประตูไปที่ไหนก็ได้"นั้นยาก" นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ซึ่งถนัดทฤษฎีและการทดลองพูดว่า "ได้เรียนรู้เกี่ยวกับอาชีพของผู้หญิงและSociology of Family ตัวเองก็ได้รู้สึกถึงการไม่เห็นความสำคัญของความรู้สึกอันละเอียดอ่อนและชีวิตของผู้อื่น"