อัจฉริยะจะไม่พูดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะ แต่จะเป็นผู้คนรอบตัวที่กล่าวว่า"หมอนั่นเป็นอัจฉริยะ" ค่านิยมของมนุษย์เปลี่ยนแปลงไปพร้อมๆกับโลก ดังนั้นจึงไม่มี"อัจฉริยะ"ที่แน่นอน
ถ้าหากอัจฉริยะเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อนมีชีวิตอยู่ในสมัยปัจจุบันนี้ จะสามารถสร้างผลงานหรือมีบทบาทต่างๆและถูกเรียกว่า"อัจฉริยะ"ได้ไหม ผมคิดว่านั่นไม่ใช่ ในทางกลับกัน ตอนนี้แม้แต่คนที่ไม่ได้ถูกประเมินความความสามารถ แต่เมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน หรือไม่ก็อีกหนึ่งร้อยปีให้หลังอาจจะถูกเรียกว่า"อัจฉริยะ"ก็ได้
ไม่ว่าจะสมัยไหนก็ไม่ได้มีอัจฉริยะที่มีความสามารถรอบด้าน คนที่มีความสามารถซึ่งเป็นที่ยอมรับในสมัยนั้นถึงจะถูกเรียกว่า"อัจฉริยะ"
ดังนั้น พ่อแม่จึงห้ามเลี้ยงลูกของตัวเอง"ให้เติบโตเป็นอัจฉริยะ" ผมคิดว่าการเลี้ยงดูให้มีความมั่นใจในตนเองและพัฒนาความสามารถของเด็กคนนั้นให้เป็นไปได้มากที่สุดต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญ
และอีกสิ่งหนึ่ง ผมคิดว่าเป็นเพราะภัยภิบัติจากแผ่นดินไหวในญี่ปุ่นฝั่งตะวันออก แต่การเติบโตเป็นมนุษย์ที่สามารถดำรงวิถีชีวิตให้เป็นประโยชน์ในการเป็นคนญี่ปุ่นนั้นก็อาจจะเป็นปัจจัยของ"อัจฉริยะ"ในอนาคตก็เป็นได้
ญี่ปุ่นในสมัยนี้ คนที่สามารถติดต่อสื่อสารกับผู้คน, มีเทคโนโลยีขั้นสูง, สามารถประกอบการค้า, สามารถสร้างธุรกิจจะเป็นที่จับตามอง ซึ่งนี่คือการยืดขยายเป็นเส้นตรงของความใฝ่ฝันสู่อารยธรรมตะวันตก คนญี่ปุ่นมีลักษณะที่พยายามจะไล่ตามชาวตะวันตก และรวมถึงตั้งใจที่จะแซงขึ้นหน้า แต่ว่า นั่นไม่ใช่เป้าหมายของคนญี่ปุ่นในเวลานี้
ที่โตเกียวเกิดไฟดับและการประหยัดไฟฟ้าอย่างมาก รถไฟก็ไม่เคลื่อนขบวน โทรศัพท์ก็โทรไม่ติด เพราะอุบัติเหตุโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ถึงแม้เรื่องนั้นจะหนักหนาสาหัส แต่หากนึกถึงคนที่ได้รับความเสียหายอย่างมากยิ่งกว่าตนเองที่กำลังพยายามอย่างไม่ย่อท้อนั้น ตัวเองก็จะสามารถพยายามด้วยได้เช่นกัน เมื่อจินตนาการถึงความรู้สึกของผู้คนรอบตัว ก็จะสามารถกระทำการได้ ในประวัติศาสตร์อันยาวนานของญี่ปุ่นนั้น เคยถูกเยี่ยมเยียนจากภัยพิบัติมาแล้วมากมายเช่น การระเบิดของภูเขาไฟ, แผ่นดินไหว, ซึนามิ เป็นต้น ดังนั้น ผมเลยคิดว่าสิ่งนั้นทำให้เกิดนิสัยพยายามอย่างไม่ย่อท้อของคนญี่ปุ่นในทุกวันนี้
พอผมได้สอนที่มหาวิทยาลัยถึงได้เข้าใจถึงคนที่มีความสามารถ แต่ว่า คนๆนั้นจะสามารถแสดงพละกำลังความสามารถนั้นได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าคนๆนั้นจะได้พบกับใครไหม นั่นคือโชคชะตาของคน
ถึงแม้ว่าจะมีความสามารถ แต่หากไม่มีโอกาสได้พบเจอกับคนที่จะเรียกตัวเองว่า"อัจฉริยะ" และคนที่จะยอมรับในตนเองแล้วล่ะก็คงจะไม่สามารถถือกำเนิดขึ้นได้
และอีกสิ่งหนึ่ง การที่จะเป็นคนที่สามารถตัดสินใจสรรพสิ่งด้วยมาตรฐานการวัดของช่วงเวลาอันยาวนานนั้นเป็นพื้นฐานของการเป็นอัจฉริยะ ตอนนี้อาจจะไม่ถูกประเมินจากใครๆ แต่ว่า สักวันหนึ่งก็จะต้องสร้างยุคสมัยของตนเองขึ้นมาอย่างแน่นอน อาจจะเป็นหลังความความตายก็ได้แต่สิ่งที่ได้ทำไปก็จะเป็นประโยชน์ให้แก่โลก หากคิดแบบนั้น ไม่ว่าจะมียุคสมัยแบบไหนก็ตาม ก็จะยังสามารถเชื่อมั่นในความสามารถของตนเองต่อไปได้เรื่อยๆ
พอใช้ชิวิตด้วยการสลักทุกวินาที และรวบรวมแต่ข่าวสาร ก็จะไหลไปตามกาลเวลา หากสักวันหนึ่งตัวเองที่ยอมรับความตาย ผ่อนคลาย และสามารถดำเนินชีวิตโดยมีเป้าหมายได้จะเป็นการดีกว่า ถ้าทำเช่นนั้นได้ ไม่ว่าใครก็มีโอกาสเป็นอัจฉริยะได้
เมื่อปีที่แล้วมีการใช้คำว่า"ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต"อยู่บ่อยๆในระดับโลก มนุษย์ก็เหมือนกัน ยุคสมัยปัจจุบันแค่ความสามารถอันเป็นทรัพย์สมบัติสำคัญนั้นมันไม่เพียงพอ เหล่าผู้คนที่มีพรสวรรค์หลากหลาย จะเป็นประเทศที่สามารถคิดว่า"สักวันหนึ่งยุคสมัยของตนเองจะมาถึง" การที่จะทำให้ญี่ปุ่นเป็นประเทศในแบบนั้น มันสัมพันธ์กันกับการให้กำเนิด"อัจฉริยะ"