ดอกไม้ที่คนญี่ปุ่นชอบมากที่สุด ก็คือ ดอกซากุระ ดอกซากุระและดอกเบญจมาศต่างก็เป็นดอกไม้ประจำชาติญี่ปุ่น แล้วทำไมคนญี่ปุ่นถึงชอบดอกซากุระกันล่ะ? เพราะนั่นแสดงถึงทัศนคติของคนญี่ปุ่น
ดอกซากุระเป็นพืชชนิดพันธุ์เดียวกับดอกกุหลาบ เป็นพันธุ์พิเศษที่มีในประเทศญี่ปุ่นมาตั้งแต่ร้อยปีก่อน เมื่อเพิ่มการปรับปรุงพันธุ์ขึ้น ทำให้มีสายพันธุ์เกิดขึ้นอีกหลายร้อยสายพันธู์ ใน "โคจิกิ"หนังสือที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่นที่ทำเสร็จเมื่อปีคริสต์ศักราชที่ 172 มีบันทึกที่เกี่ยวกับดอกซากุระนี้ด้วย แต่ในยุคนาระ ปี710-794 ดูเหมือนผู้คนจะให้ความสนใจกับดอกบ๊วยที่มีสีชมพูเข้มที่ชัดเจนอันน่าดึงดูด มากกว่าดอกซากุระเนื่องจากได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมจีน ต่อจากนั้น อิทธิพลจากประเทศจีนเริ่มจางหายไป ความนิยมในดอกซากุระที่ให้ความรู้สึกนุ่มนวลเหมาะกับคนญี่ปุ่นก็เริ่มเพิ่มมากขึ้น
ในปัจจุบัน ในหมู่ดอกซากุระ พันธุ์ที่คนญี่ปุ่นคุ้นเคยมากเป็นพิเศษก็คือ พันธุ์Yoshino Cherry ที่มีมาตั้งแต่สมัยช่วงปลายของยุคเอโดะและได้รับการปรับปรุงพันธุ์แล้ว ลักษณะพิเศษของ Yoshino Cherryนั้นคือ เป็นดอกไม้ที่มีสีชมพูอ่อนที่ใกล้เคียงกับสีขาว และกลีบของดอกไม้ที่มีความอ่อนตัว 80เปอร์เซนต์ของดอกซากุระญี่ปุ่นคือ Yoshino Cherry อิเมจของซากุระนั้นจะเรียกได้ว่าเป็นอิเมจของ Yoshino Cherryด้วยก็ว่าได้
กลางเดือนเมษายน จะเป็นช่วงที่ซากุระออกดอกสะพรั่งพร้อมกัน และซากุระเป็นดอกไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของฤดูใบไม้ผลิที่ความหนาวเพิ่งผ่านไปและเริ่มอบอุ่นขึ้น ตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ร่วงถึงฤดูหนาว กิ่งไม้ก็จะตกลงมา ในช่วงที่ซากุระบานนั้น ส่วนใหญ่กิ่งของต้นก็จะไม่ค่อยมีแล้ว นอกจากนั้น เนื่องจากลำต้นและกิ่งเป็นสีดำ ทำให้ความเด่นของสีชมพูที่ใกล้เคียงกับสีขาวนั้นโดดเด่นมากยิ่งขึ้น ในฤดูใบไม้ผลิต้นซากุระที่มีกิ่งก้านสาขามากมายบานสะพรั่งเมื่อโดนลมพัดผ่าน จะให้รู้สึกสดชื่น
สำหรับคนญี่ปุ่นแล้ว ดอกซากุระ เป็นดอกไม้ที่บอกถึงการมาเยือนของฤดูใบไม้ผลิ ดังนั้นจึงบอกการคาดเดาล่วงหน้าว่าซากุระจะบานเมื่อไหร่และในแถบไหน จึงเรียกว่า "แนวดอกซากุระบาน" ราวกับการพยากรณ์อากาศ บริเวณที่ญี่ปุ่นซากุระที่บานเร็วที่สุด คือ จังหวัดโอกินาว่า ใต้สุดของญี่ปุ่น จากนั้นตามมาด้วยพื้นที่ ฮอนชู และที่ช้าที่สุดคือ ฮอกไกโด
ดอกซากุระจะบานในเดือนเมษายน ซึ่งเป็นเวลาเริ่มงบประมาณประจำปีของประเทศญี่ปุ่น และโรงเรียนก็เริ่มเปิดในเดือนเมษยนของทุกปี ซากุระซึ่งจะบานในช่วงเวลานั้นกลายเป็นสัญลักษณ์การต้อนรับนักเรียนใหม่
ในอีกด้านหนึ่ง สวนสาธารณะที่มีการปลูกดอกซากุระไปทั่วนั้น จะจัดงานวัดที่เรียกว่า "ฮานามิ"หรือการชมดอกไม้ ตั้งแต่ตอนเย็นถึงช่วงกลางดึกใต้ต้นซากุระ ไม่ว่าเพื่อนที่มหาวิทยาลัยหรือเพื่อนร่วมงานที่บริษัท ก็จะไปรับประทานอาหารดื่มเหล้าและคุยกันอย่างสนุกสนาน ที่สวนสาธารณะที่เป็นที่นิยมนั้นก็จะมีคนที่ไปจับจองที่นั่งตั้งแต่เช้าเพื่อชมดอกไม้
ผ่านไป1ปีซากุระที่อุตส่าห์บานสะพรั่ง เป็นที่น่าเสียดายที่กลับร่วงหมดในเพียงแค่ 1สัปดาห์ ซากุระจะบานพร้อมกัน และร่วงพร้อมกัน เวลาที่ดอกซากุระร่วง จะเป็นภาพราวกับหิมะจำนวนมาก ดังนั้น จึงเรียกภาพซากุระที่ร่วงหล่นนี้ว่า "桜吹雪 (cherry blossoms blizzard)"
คนญี่ปุ่นหลงรักในดอกซากุระเพราะการมี "ความไม่แน่นอน"ในสองสิ่ง กล่าวคือ เมื่อดอกไม้อันสวยงามบานสะพรั่งขึ้นพร้อมกันแต่กลับร่วงตกมาในเวลาไม่นาน เปรียบเสมือน"สายลมแห่งชีวิต" เปรียบเสมือนชีวิตของคน ถึงแม้จะเป็นคนที่สวยแค่ไหน โดดเด่นแค่ไหน หรือ มีเงิน อำนาจมากแค่ไหน ในวันหนึ่งก็ต้องพบกับความตาย ดอกซากุระจึงเป็นสัญลักษณ์ของ หลักอนิจจังตามหลักศาสนาพุธ สาเหตุของการสืบทอด เพลง "ซากุระ ซากุระ"ที่มีมาตั้งแต่ยุคเอโดะนั้น เนื่องจากมีท่วงทำนองของ ความเป็น"อนิจจัง"และถ่ายทอดความเป็นดอกซากุระได้เป็นอย่างดี
คาเกะโมโตะ โทยาม่า เคยอาศัยอยุ่ที่วัดที่เรียกกันทั่วไปว่า คิงชิโร่ ก่อตั้งตั้งแต่ในยุคปลายของยุคเอโดะ และเคยปฎิบัติหน้าที่เป็นผู้ว่าราชการแผ่นดินของเอโดะ(ปัจจุบันคือโตเกียว)ผู้ว่าราชการโตเกียวในสมัยนั้นเป็น เรียกว่า "บุเกียว"หรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง คือควบตำแหน่งทั้ง สารวัตรใหญ่และผู้พิพากษาด้วย เจ้าหน้าที่ปกครองโทยาม่า ในตอนเด็กเขาหนีออกจากบ้าน และเข้ามาในแวดวงยากูซ่า และสักดอกซากุระไว้ที่แขน ถึงจะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีนัก แต่เขาก็เข้าใจถึงความรู้สึกของประชาชน ด้วยเหตุนั้น ช่วงที่รัฐบาลทหารจัดระเบียบของสิ่งบันเทิงเริงรมย์ในเมือง โทยาม่าได้ต่อต้านและเข้าข้างฝ่ายประชาชน
ประชาชนต่างรู้สึกขอบคุณ และให้ความเคารพบุเกียวโทยาม่าเป็นอย่างมาก ราขุโกะหรือคาบุกิที่เรียกได้ว่าเป็นสิ่งบันเทิงที่เป็นที่นิยมของชาวบ้าน "คิงโนะโทยาม่า"กลายเป็นชื่อเรื่องที่ถูกแสดงอยู่บ่อยครั้ง เรื่องเล่านี้เป็นเรื่องเล่าที่ว่า คาเนะซังที่เป็นยากูซ่าที่มีรอยสักซากุระคอยปกป้องชาวบ้านที่ถูกคนรวยหรือคนชั่วที่มารังแก หลังจากนั้นเมื่อวันไต่สวนมาถึง พวกคนเลวและคนรวยกลับโกหกต่อหน้าศาลโดยคิดว่าต้องชนะเป็นแน่ ทันใดนั้นผู้พิพากษาที่ยืนอยู่หน้าพวกคนเลวนั้นก็ถลกแขนเสื้อขึ้น แล้วถามออกไปว่า "หยุดโกหกซะที!จำลายสักนี้ไม่ได้รึ"เจ้าคนชั่วเห็นดังนั้น ก็ตกใจเมื่อรู้ว่ายากุซ่าคนนั้นแท้จริงแล้วเป็นผู้พิพากษา จึงสารภาพเรื่องราวทั้งหมดไป
จอนห์ วอชิงตัน ประธานาธิบดีช่วงแรกของอเมริกา (1732-1739)สมัยเด็ก เดินเล่นในสวนแล้วแกว่งค้อนไปทั่ว จึงเผลอทำกิ่งไม้ซากุระที่พ่อรักมากหัก เมื่อพ่อกลับบ้านมาถึง เห็นดอกซากุระดังนั้นจึงโกรธเป็นอย่างมาก จึงถามไปว่า "ใครทำเรื่องแบบนี้?"ทันใดนั้น วอชิงตัน จึงขอโทษอย่างซื่อสัตย์ไปว่า "ผมเป็นคนทำเองครับ" พ่อเขาจึงเอ่ยชมว่า "กิ่งซากุระที่ร่วงไปแล้วนั้นกลับคืนมาไม่ได้แต่ หัวใจอันสัตย์ซื่อของลูกนั้น มีค่ายิ่งกว่าเงินทองหรือต้นซากุระ 1000ต้นที่ดอกไม้บานสะพรั่งเสียอีก" เรื่องเล่านี้ได้กลายเป็นนิทานปรัมปราที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก
เรื่องเล่านี้เพื่อมิตรภาพอันดีระหว่างประเทศญี่ปุ่นกับประเทศสหรับอเมริกาจึงส่งต้นซากุระ 6000ต้นให้เป็นของขวัญในปี 1912 ครึ่งหนึ่งให้ปลูกที่รัฐวอชิงตัน อีกครึ่งหนึ่งให้ปลูกที่ นิวยอร์ค ต้นซากุระเหล่านั้นก็เติบโตมาอย่างสวยงาม แม้กระทั่งตอนนี้ เมื่อถึงเดือนเมษายน ที่รัฐวอชิงตัน ก็จะจัดงานเทศกาล"ดอกซากุระ"ขึ้น และมีผู้คน หนึ่งล้าน คนไปเยี่ยมชมดอกซากุระ
จำนวนผลงานที่มีฉากในภาพยนตร์มากที่สุดในโลกคือ เรื่อง "ผู้ชายนั้นลำบากนัก"ของญี่ปุ่น ใช้เวลาในการสร้างตั้งแต่ปี 1969ถึง 1995 48เรื่อง นักแสดงนำของเรื่อง ชื่อ โทระจิโร่ คุรุมะ ส่วนชื่อที่เรียกกันทั่วไป ชื่อ โทระ ส่วนชื่อน้องสาวของเค้าคือ "ซากุระ"
รูปร่างของซากุระที่ร่วงหล่นมาและยังคงความสวยไว้นั้น แสดงได้ถึงความ "สง่า"ของมันเอง ลักษณะแบบนี้เป็นที่ใฝ่ฝันของเหล่า ตำรวจ ทหาร นักรบ เป็นลักษณะที่ป้องกันประชาชนและประเทศอันเกี่ยวข้องกับชีวิต ในขณะที่เกิดวิกฤตการณ์ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่2ญี่ปุ่นได้แต่งเพลงทหารไว้มากมาย หนึ่งในนั้นคือเพลง "โดคิซากุระ(同期の桜)" ที่เป็นเพลงทหารที่ได้รับความนิยมสูง ความหมายของเพลงนี้มีอยู่ว่า "เธอและฉัน เป็นซากุระที่ซะพรั่งพร้อมกัน ดอกที่บานนั้น คงต้องร่วงหล่นในสักวัน ฉะนั้นเพื่อประเทศแล้ว จงเป็นซากุระที่ร่วงหล่นอย่างงดงาม"
ขนมญี่ปุ่นที่ห่อด้วยใบซากุระที่ผ่านการหมักเกลือไว้ด้านบน ภายในเป็นถั่วแดงกวนมาห่อเป็นโมจิที่มีสีดอกซากุระ ซากุระโมจินั้น มีทั้งแบบคันโตและแบบคันไซ และเป็นขนมที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและเป็นที่นิยมเป็นอันมาก
หน้าม้าที่ถูกจ้างมาเพื่อทำให้การแสดงดูคึกคักมากขึ้น เรียกว่า "ซากุระ" ต้นกำเนิดนั้นถึงจะไม่เป็นที่แน่ชัดแต่ จะมีทฤษฎีดังต่อไปนี้ แต่ก่อนการแสดงคาบูกินั้น เป็นการจ้างให้คนมาส่งเสียงเพื่อเป็นการเพิ่มพลังให้กับนักแสดงบนทีจากผู้ชม หน้าม้าพวกนี้พอการแสดงเริ่มขึ้นจะหายตัวไปดังนั้นจึงเรียกว่า "ซากุระ"เพราะเปรียบเสมือนกับการร่วงหล่นของซากุระ ซึ่งคำนี้ก็ถูกใช้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
Tweet