Logo nipponnotsubo
ad head
header
หน้าแรก ความบันเทิง วัฒนธรรม ไลฟ์สไตล์ สังคม เทคโนโลยี แฟชั่น ธุรกิจ

ต้องทานวากาชิ (ขนมญี่ปุ่น) กับชาญี่ปุ่นนะคะ


ขนมญี่ปุ่น

วากาชิ(和菓子 ขนมญี่ปุ่)นคือขนมแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น เป็นการเรียกเพื่อให้แตกต่างกับขนมจากฝั่งตะวันตกเช่นพวกเค้ก เป็นต้น คำว่า วะ(和) มาจาก ยามาโตะ (大和)ซึ่งเป็นชื่อของประเทศญี่ปุ่นเมื่อประมาณพันสามร้อยปีก่อน กล่าวคือเป็นคำที่แสดงให้เห็นทั้งวัฒนธรรมดั้งเดิมทั้งไลฟ์สไตล์ของญี่ปุ่นเอง และยังมีคำอื่นๆอีกมากมายเช่น วะฟุกุ(和服)ก็จะหมายถึงชุดกิโมโน ,วะโชกุ(和食) ก็จะหมายถึง อาหารญี่ปุ่น และมีใช้อย่างอื่นอีกหลายแบบ

แต่ว่า ขนมแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่เรียกว่า "วากาชิ" เนี่ย เป็นของแบบไหนกัน? จริงๆแล้ว"วากาชิ" เนี่ยมีมากมายหลายชนิด ซึ่งเป็นการยากที่จะรวบมาเป็นคำคำเดียวได้ แล้วถ้าถามว่าทำไม"วากาชิ"จึงมีหลายชนิดล่ะ? นั่นก็เพราะว่าในประวัติศาสตร์อันยาวนานของญี่ปุ่นนั้น ญี่ปุ่นรับเอาขนมจากทั้งประเทศเพื่อนบ้านอย่างจีน และจากชาติตะวันตกเข้ามา แล้วเอามาปรับปรุงรสชาติให้เข้ากับปากคนญี่ปุ่นนั่นเอง เช่น คัสสุเตระ(カステラ) หรือเค้กฟองน้ำ ก็นำเข้ามาจากฮอลแลนด์

ชาเขียวที่ญี่ปุ่น จะมีวัฒนธรรมที่ดื่มกับชาญี่ปุ่น ชาญี่ปุ่นเรียกว่า "ชาเขียว"「緑茶(เรียวคุฉะ)」 ชานั้นมีมาตั้งแต่สมัยเฮอัน โดยรับเข้ามาจากประเทศจีน ในตอนนั้นเป็นการดื่มชาที่ถูกหมัก แต่หลังจากนั้นก็กลายมาเป็นการดื่มชาเขียว ในตอนแรกในหมู่สังคมชั้นสูงของชาวญี่ปุ่นจะนำเอาใบชาไปนึ่งแล้วหลังจากนั้นก็นำไปทำให้เป็นผง แล้วนำมาชงดื่ม แบบนี้จะเรียกว่า "มัชฉะ"(抹茶) หลังจากนั้นพอเข้าสู่สมัยเอโดะ ก็มีการนำเอาใบชามาอบให้แห้งแล้วค่อยนำไปต้มดื่ม กลายเป็นวัฒนธรรมที่แพร่หลายมาก ซึ่งเรียกชาชนิดนี้ว่า "เซงฉะ"(煎茶)ซึ่งชาทั้งสองชนิดนี้ไม่ได้เป็นชาแบบหมัก และยังเป็นสีเดิมของใบชาหลงเหลืออยู่ จึงเรียกว่า "ชาเขียว" และชาเขียวนี้ยังมียังมีจุดเด่นอยู่ที่ ความขม และ ความฝาด ที่มีมากกว่าชาแบบหมักอีกด้วย นอกจากนั้น กลิ่นหอม,รสชาติ,สี ก็ทำให้รู้สึกได้ถึงความสดและใหม่ จึงเป็นที่ชื่นชอบของชาวญี่ปุ่น

yokanชานั้น มีวิธีการที่จะสนุกกับมันได้อยู่สองวิธี วิธีแรกก็คือ "ซะโด้ว"(茶道)หรือ พิธีชงชา ที่เป็นพิธีที่สืบทอดมาแต่โบราณ ในสมัยก่อน เหล่าขุนนางและซามูไรจะจัดขึ้นเพื่อเป็นพิธีต้อนรับแขกผู้มาเยือน ในพิธีชงชาจะใช้ชาเขียวที่ถูกทำให้เป็นผงแล้วหรือมัชฉะ แต่ในอีกด้านในหมู่ประชาชนเอง การพูดคุยกันไปด้วยจิบน้ำชาไปด้วยนั้นก็กลายเป็นสิ่งที่ปฎิบัติกันเป็นปกติ ซึ่งเรียกกันว่า ปาร์ตี้น้ำชา โดยใช้เซงฉะในการชงดื่ม ชาพวกนี้นั้นก็เป็นชาเขียว จึงมีความขมและความฝาดที่เข้มข้น จึงมีความต้องการขนมหวานๆมากินล้างปาก ซึ่งจะใช้วากาชิในการกินล้างปากเพื่อให้รสชาติที่มีความขมที่เข้มข้นนั้นจางลง หรือกล่าวคือ "วากาชิ"นั้นเป็นขนมที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเป็นเวลานานมาแล้วเพื่อให้เข้ากับชาเขียวนั่นเอง

ประเภทของ"วากาชิ"

ส่วนประกอบของ"วากาชิ"ก็จะมีข้าว โมจิ แป้งมัน ถั่ว แป้งสาลี และน้ำตาล และขนมที่ทำจากส่วนผสมที่กล่าวมานั้นก็จะถูกแบ่งออกเป็นสามประเภทใหญ่ๆคือฮิงาชิ(干菓子),ฮันนามะงาชิ(半生菓子)และนามะงาชิ(生菓子)

เซมเบ้พวกฮิงาชินั้นจะเป็นขนมแห้งๆจำพวกข้าวเกรียบเซมเบ้(ข้าวเกรียบแบบแผ่นใหญ่) กับ อาลาเล่(ข้าวเกรียบแผ่นเล็กๆ) ขนมญี่ปุ่นพวกนี้ก็เป็นที่รู้จักกันในไทยอย่างแพร่หลาย อื่นๆก็จะมี"คนเปโต"(เป็นลูกกวาดหวานๆ),"ระคุกัง"(เหมือนขนมโก๋) ส่วนฮันนามะงาชิก็จะเป็นพวกวุ้นถั่วแดงหรือเค้กฟองน้ำเป็นต้น และยังมีขนมที่ใช้ถั่วเหลืองทำเรียกว่า "โมนะกะ" และที่ทำเป็นวุ้นก็เรียกว่า"โคะฮะขุกัง" ส่วนพวกนามะงาชิก็จะเป็นซากุระโมจิ(ข้าวเหนียวห่อถั่วแดงแล้วห่อด้วยใบซากุระ),ไดฟุกุ(โมจิห่อถั่วแดง)และขนมที่ทำจากแป้งข้าวเหนียวอื่นๆ

ซากุระโมจิแต่ก่อนพอพูดถึง"วากาชิ"ปุ๊บ ภาพแรกที่คิดถึงก็จะเป็นขนมแบบนามะงาชิ ซึ่งความจริงแล้วแต่เดิมมีหลายประเภทมาก และยังมีการผลิตแบบใหม่ๆออกมาเรื่อยๆ ที่เป็นที่รู้จักในไทยก็จะมี"ไดฟุกุ" กับ "ซากุระโมจิ" อย่างอื่นๆก็จะเป็นวุ้นถั่วแดงและขนมที่ทำจากแป้งข้าวเหนียว ซึ่งน่าจะมีคนที่เคยได้รับเป็นของฝากจากญี่ปุ่นอยู่เหมือนกัน แล้วก็ยังมีพวกถั่วต้มชนิดต่างๆ ,แป้งห่อถั่วแดงโรยผงถั่วและผงชา,แป้งถั่วเหลืองห่อใส้ถั่วแดง เป็นต้น

ความสดใสได้ขจัดความสิ้นหวังให้หมดไป

ชาเขียวขนมญี่ปุ่นโดยปกติแล้วจะเป็นชิ้นเล็กๆ และเพราะว่าวุ้นถั่วแดงมีขนาดใหญ่จึงตัดเป็นชิ้นเล็ก และวางบนจานประมาณ 2-3 ชิ้น แต่ถึงจะเป็นขนมที่มีขนาดเล็กแต่ก็ยังเป็นที่ต้องการ เสื่อทาทามิที่ห้องนั่งเล่นหรือห้องชงชาแบบดั่งเดิมของญี่ปุ่น ก็จะมีของตั้งโชววางอยู่มากมาย และมีลักษณะเด่นก็คือจะไม่ใช้ของที่หรูหรามีสีสันฉูดฉาด และในการชงชาไม่ว่าจะเป็นกาน้ำชาหรือถ้วยชาก็เป็นแบบเรียบง่าย และสิ่งที่มีในนั้นก็คือขนมญี่ปุ่นที่หลายๆคนได้เกิดความประทับใจในขนมญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก ดังนั้นรูปลักษณ์ภายนอกของขนมญี่ปุ่นคือมีทั้งความอร่อย,น่ารัก และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ถ้าจะพูดว่า ทำไมคนญี่ปุ่นที่ชอบอะไรที่เรียบง่าย แต่ก็อยากให้มีขนมญี่ปุ่นมีสีสันสดใส แล้วละก็ นั้นก็เพราะว่าความสวยงามนั้นอยู่ได้ไม่นาน แป็บเดียวก็จะหายไป เปรียบได้กับเวลาที่ดอกซากุระบาน ก็จะบานได้ไม่นาน แล้วก็จะร่วงโรยไป และนั้นคือสิ่งมีอยู่ในขนมญี่ปุ่น

ซากุระโมจิขนมญี่ปุ่น ทำไมถึงหายไปเพียงชั่วพริบตาเดียว นั้นก็เพราะขนมญี่ปุ่นนั้นเหมาะกับชาของญี่ปุ่นนั้นเอง สำหรับคนญี่ปุ่นแล้ว เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือความสนุกสนานเพลิดเพลินไปกับชา แล้วก็"ความขม"และ"ความฝาด"ที่เข้มข้น แต่กลิ่นอ่อนๆ ทำให้สดชื่นดื่มได้อย่างสบายๆ ขนมญี่ปุ่นก็คือ ไว้กินเพื่อให้รสขมของชาจางลงแต่ยังไงก็ยังคงไม่สามารถทำให้รสชาติของชาที่เหลืออยู่หายไป ดังนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นไดฟุกุที่หวานแบบไหนก็ตาม หรือว่ารสชาติโชยุเข้มข้นของเซมเบ้ก็ตาม พอได้ดื่มชาเข้าไป รสชาติก็จะละลายหายไป และหลังจากนั้นก็จะไม่เหลือรสชาติขนมอยู่เลย นั่นก็คือ"ทุกสิ่งล้วนเป็นอนิจจัง"และ "ความรุ่งโรจน์และการล่มสลาย" นั้นมีความเกี่ยวข้องกัน ทั้งสองอย่างนี้คือหลักทางพุทธศาสนาที่คนญี่ปุ่นนับถือ by Noboru

ต้องทานวากาชิ(ขนมญี่ปุ่น)กับชาญี่ปุ่นนะคะ

草加せんべい 山香煎餅本舗

和菓子 梅月(baigetsu)

とらやの羊かん

สมาคมอุตสาหกรรมวากาชิ

日本語版

วัฒนธรรมญี่ปุ่น

หม้อความรู้เกี่ยวกับญี่ปุ่น nipponnotsubo にっぽんの壷

右上大型広告
Custom Search
Copyright © 2011 Nipponnotsubo.Inc.
All Right Reserved.
nipponnotsubo@gmail.com
nipponnotsubo@hotmail.com