ประเทศญี่ปุ่นกำหนดธรรมเนียม ฤดูใบไม้ผลิซึ่งดอกซากุระบาน (เดือนเมษายน)เป็นฤดูการเข้าเรียนที่โรงเรียน แต่อาจจะเปลี่ยนเป็นเข้าเรียนฤดูใบไม้ร่วง (เดือนตุลาคม)เพื่อทำให้เหมือนกับมหาวิทยาลัยของยุโรป และอเมริกา เพราะมหาวิทยาลัยโตเกียวเริ่มพิจารณาการเข้าเรียนฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ขณะนี้กำลังเกิดสงครามแก่งแย่งนักเรียนต่างชาติบนโลกขึ้น เหมือนว่าเพื่อจะรวบรวมนักศึกษาหัวกะทิจากทั่วโลก มหาวิทยาลัยของญี่ปุ่นจำเป็นต้องนำการเข้าเรียนฤดูใบไม้ร่วงซึ่งเป็นมาตรฐานทั่วโลกมาใช้
อัตราส่วนเปรียบเทียบของจำนวนนักศึกษาต่างชาติของสถาบันการศึกษาระดับสูงของปี 2008 ออสเตรเลีย 33%, อังกฤษ27%, เยอรมณี และฝรั่งเศส12%, อเมริกา 6.1% ญี่ปุ่นแค่ 4%
จำนวนนักศึกษาต่างชาติเป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญซึ่งบ่งชี้วัดความสามารถการแข่งขันมหาวิทยาลัยระหว่างประเทศ ที่มหาวิทยาลัยชั้นนำจะรวมคนที่มีความรู้ความสามารถดีเลิศจากทั่วโลกไว้ คนที่มีความรู้ความสามารถผู้มีบทบาทระหว่างประเทศจะเลื่อนขั้น อีกทั้งคนเหล่านี้จะเชื่อมโยงการพัฒนาคุณภาพของการวิจัยและการศึกษา การทำให้เป็นสากลมากกว่าการสัญจรไปมาระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยที่ติดอันดับต้นๆ นี้จะมีความสามารถทางการแข่งขันระดับโลกสูง
การจัดอันดับของมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกโดยบริษัทQS ประเทศอังกฤษ (ปี 2010) 100อันดับจากทั่วโลกมหาวิทยาลัยญี่ปุ่นติดเพียง 5แห่ง มหาวิทยาลัยโตเกียวอยู่อันดับที่ 24 มหาวิทยาลัยเกียวโตอันดับที่ 25 เป็นต้น
ในเอเชีย มหาวิทยาลัยของฮ่องกงติด 3แห่ง จีน เกาหลี และสิงคโปร์อย่างละ 2แห่ง ไต้หวันก็ติด 1แห่ง จาก100อันดับทั่วโลก ความรู้สึกถึงการมีตัวตนของมหาวิทยาลัยในเอเชียเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันนี้ นักศึกษาต่างชาติในญี่ปุ่นมากกว่าครึ่งคือจีน เกาหลี และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถ้าตอนนี้เอเชียพัฒนาประเทศ คุณภาพของมหาวิทยาลัยก็จะมีมากขึ้น แต่เป็นไปได้ว่านักศึกษาต่างชาติที่มาญี่ปุ่นจะลดลง
สาเหตุหลักที่มหาวิทยาลัยของญี่ปุ่นทำให้เป็นสากลล่าช้ามีหลายอย่าง ลักษณะเฉพาะของญี่ปุ่นที่ว่า "เข้าเรียนฤดูใบไม้ผลิ จบการศึกษาฤดูใบไม้ผลิ"คือปัญหาเชิงระบบในขณะนั้น ประเทศญี่ปุ่นมีธรรมเนียมเข้าเรียนในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ซากุระบาน ซึ่งเปลี่ยนได้ยาก แต่ถ้ามหาวิทยาลัยโตเกียวซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของญี่ปุ่นเปลี่ยนเป็นเข้าเรียนฤดูใบไม้ร่วง มหาวิทยาลัยอื่นก็อาจจะเปลี่ยนด้วย ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อสังคมญี่ปุ่น